ยินดีต้อนรับเข้าสู่บล็อกของ นางสาวมัณฑนา ผ่องใส

เมาส์

เม้าส์

วันอังคารที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2558

เนื้อเรื่องย่อมหาเวสสันดรชาดก

   ปฐมเหตุ
            หลังจากสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงยมกปาฏิหาริย์ ทำให้พระประยูรญาติละทิฐิยอมถวายบังคม ก็บังเกิดฝนโบกขรพรรษพระภิกษุทั้งหลายจึงได้ทูลถามพระพุทธเจ้า
พระพุทธองค์ตรัสเล่าว่า ฝนชนิดนี้เคยตกมาแล้วในอดีต พระองค์จึงทรงแสดงธรรมเรื่อง มหาเวสสันดรชาดก หรือเรื่องมหาชาติ ทั้ง ๑๓ กัณฑ์ ตามลำดับ ดังนี้ กัณฑ์ทศพร กัณฑ์หิมพานต์ กัณฑ์ทานกัณฑ์ กัณฑ์วนปเวสน์ กัณฑ์ชูชก กัณฑ์จุลพน กัณฑ์มหาพน กัณฑ์กุมาร กัณฑ์มัทรี กัณฑ์สักกบรรพ กัณฑ์มหาราช กัณฑ์กษัตริย์ และกัณฑ์นครกัณฑ์
กัณฑ์ที่ ๑ ทศพร  มี ๑๙ พระคาถา
            กล่าวถึงปฐมเหตุที่พระพุทธองค์ทรงเทศนาเล่าเรื่องมหาเวสสันดรชาดกแก่ภิกษุทั้งหลาย ณ     นิโครธารามมหาวิหาร โดยเริ่มเรื่องจากการกำเนิดพระนางผุสดีผู้ถวายแก่นจันทร์บดแด่พระพุทธเจ้าพระองค์หนึ่ง และตั้งจิตปรารถนาว่า ขอให้ได้เป็นพระพุทธมารดาในอนาคต เมื่อได้บังเกิดในสวรรค์ได้เป็นมเหสีของพระอินทร์ ในกัณฑ์นี้กล่าวถึงนางดุสดีจะต้องจุติจากสวรรค์พระอินทร์จึงประทานพร ๑๐ ประการให้นางผุสดี ได้แก่ ๑.ขอให้เกิดในกรุงมัทราช แคว้นสีพี ๒.ขอให้มีดวงเนตรคมงามและดำขลับดั่งลูกเนื้อทราย ๓.ขอให้คิ้วคมขำดั่งสร้อยคอนกยูง ๔.ขอให้ได้นาม ผุสดีดังภพเดิม ๕.ขอให้มีพระโอรสเกริกเกียรติที่สุดในชมพูทวีป
๖.ขอให้พระครรภ์งาม ไม่ป่องนูนดังสตรีสามัญ ๗.ขอให้พระถันเปล่งปลั่งงดงามไม่ยานไม่คล้อยลง ๘.ขอให้เส้นพระเกศาดำขลับตลอดชาติ ๙.ขอให้ผิวพรรณละเอียดบริสุทธิ์ดุจทองคำธรรมชาติ ๑๐.ขอให้ได้ปลดปล่อยนักโทษที่ต้องอาญาประหารได้
กัณฑ์ที่ ๒ หิมพานต์  มี ๑๓๔ พระคาถา
            กล่าวถึงนางผุสดีซึ่งจุติจากสวรรค์ลงมาประสูติเป็นพระธิดากษัตริย์มัทราชและได้เป็นพระมเหสีพระเจ้ากรุงสญชัยแห่งแคว้นสีพี พระนางผสุดีได้ประสูติพระเวสสันดรในขณะประพาสชมพระนคร และขณะนั้นนางช้างฉัททันต์ก็ได้นำลูกช้างเผือกมาไว้ในโรงช้างต้น ต่อมาลูกช้างเผือกตัวนั้นได้ชื่อว่า ปัจจัยนาเคนทร์มีคุณวิเศษ คือ ทำให้ฝนตกต้องตามฤดูกาล
พระเวสสันดรใฝ่ใจในการบริจาคทาน เมื่อได้เสวยราชสมบัติและอภิเษกกับนางมัทรีแล้ว ได้ตั้งโรงทานถึง ๖ แห่ง และเมื่อพระราชทานช้างปัจจัยนาเคนทร์ให้กับชาวเมืองกลิงคราษฎร์ ซึ่งเป็นเมืองที่แห้งแล้ง ข้าวยากหมากแพงมาหลายปี ทำให้ชาวเมืองสีพีโกรธและเรียกร้องให้พระเจ้ากรุงสญชัยทรงลงโทษพระเวสสันดรพระเจ้ากรุงสญชัยจึงทรงเนรเทศพระเวสสันดรไปจากเมือง
กัณฑ์ที่ ๓ ทานกัณฑ์  มี ๒๐๙ พระคาถา
            เมื่อนางผุสดีทรงทราบว่าพระเวสสันดรถูกเนรเทศ พระนางจึงทูลขอโทษ แต่พระเจ้ากรุงสญชัยมิได้ตรัสตอบ พระนางจึงเสด็จไปที่พระตำหนักพระเวสสันดรและทรงรำพันต่างๆ นานา
            รุ่งขึ้นพระเวสสันดรทรงบำเพ็ญสัตตสดกมหาทาน แล้วจึงพาพระนางมัทรีและสองกุมารเข้าไปทูลลาพระเจ้ากรุงสญชัย
พระเจ้ากรุงสญชัยทรงห้ามพระนางมัทรีมิให้ติดตามไปด้วย เพราะจะได้รับความลำบากในป่า แต่พระนางมัทรีก็ทูลถึงเหตุผลอันเหมาะสมที่พระนางจะต้องตามเสด็จพระเวสสันดรในครั้งนี้ พระเจ้ากรุงสญชัยจึงขอสองกุมารให้อยู่กับพระองค์ แต่พระนางมัทรีก็ไม่ยินยอม จากนั้นทั้งสี่พระองค์ก็ได้เสด็จไปทูลลาพระนางผสุดี รุ่งขึ้น
พระเวสสันดรให้พนักงานเบิกแก้วแหวนเงินทองบรรทุกรถเสด็จออกจากเมือง ทรงโปรยแก้วแหวนเงินทองเหล่านั้นเป็นทานแก่ยาจกโดยทั่วหน้า แล้วจึงตรัสสั่งให้เสนาอำมาตย์กลับคืนมายังเมือง ส่วนพระองค์พร้อมทั้งพระนางมัทรีและกัณหาชาลีก็มุ่งสู่ป่า มีพราหมณ์มาทูลขอรถทรงและม้าทรง พระองค์ก็ทรงบริจาคให้จนหมดสิ้น พระเวสสันดรจึงอุ้มพระชาลีและพระนางมัทรีอุ้มพระกัณหาเสด็จพระดำเนินต่อไปด้วยพระบาท
กัณฑ์ที่ ๔ วนปเวสน์  มี ๕๓ พระคาถา
      กล่าวถึงการเดินทางของพระเวสสันดรไปยังเขาวงกต ซึ่งมีพระนางมัทรีและชาลีกัณหา อันเป็นพระโอรสและพระธิดาตามเสด็จด้วย ได้พบกับเจ้าเมืองเจตราษฏณ์ เจ้าเมืองเจตราษฏร์มอบให้พรานเจตบุตรเป็นผู้ดูแลมิให้ใครเดินทางไปรบกวนพระเวสสันดรที่เขาวงกต
กัณฑ์ที่ ๕ ชูชก  มี ๗๙ พระคาถา
        กล่าวถึงพราหมณ์ผู้หนึ่งชื่อว่า ชูชก เป็นคนเข็ญใจไร้ญาติเที่ยวเร่ร่อนขอทาน จนกระทั่งถึงแก่ชราจึงรวมเงินได้ถึงร้อยกษาปณ์ เห็นว่าถ้าเก็บไว้กับตัวก็จะเป็นอันตราย จึงนำไปฝากกับเพื่อนคนหนึ่งแล้วก็เที่ยวขอทานต่อไป เวลาล่วงเลยมาหลายปี เพื่อนผู้รับฝากเงินไว้เห็นว่าชูชกไม่กลับมาคงจะล้มตายไปแล้ว จึงได้นำเงินที่ชูชกฝากเอาไว้ไปใช้จ่ายจนหมดสิ้น เมื่อชูชกกลับมาเพื่อนคนนั้นไม่มีเงินให้จึงต้องยกลูกสาวชื่อนางอมิตตดาให้เป็นภรรยาชูชก นางอมิตตดา ปรนนิบัติสามีตามหน้าที่ของภรรยาที่ดีทุกอย่าง จนทำให้พราหมณ์อื่นๆ ในหมู่บ้านนั้นตบตีดุด่าภรรยาของตนให้ปรนนิบัติตามอย่างอมิตตดา บรรดาภรรยาทั้งหลายต่างโกรธเคืองหาว่านางอมิตตดาเป็นต้นเหตุ จึงพากันไปเยาะเย้ยถากถางนางอมิตตดาขณะที่นางลงไปตักน้ำที่ท่าน้ำ ทำให้นางอมิตตดารู้สึกอับอาย จึงกลับมาบอกกับชูชกว่าต่อไปนี้นางจะไม่ทำงานอะไรอีก ชูชกจะต้องไปหาข้าทาสมาให้นาง มิฉะนั้นนางจะไม่อยู่ด้วย เทพเจ้าได้เข้าดลใจนางให้แนะชูชกไปขอพระกัณหาชาลีมาเป็นทาส ชูชกจำใจต้องไป ก่อนออกเดินทางชูชกก็จัดการซ่อมแซมบ้านให้แข็งแรง และให้โอวาทนางอมิตตดา ส่วนนางก็จัดเสบียงที่จะเดินทางไว้พร้อม ชูชกแปลงเพศเป็นชีปะขาว แล้วก็ออกเดินทาง พบผู้คนที่ไหนก็สอบถามเรื่องพระเวสสันดรเรื่อยไป พวกชาวเมืองโกรธคิดว่าชูชกจะต้องไปขออะไรจากพระเวสสันดรอีก จึงช่วยกันทำร้ายชูชกจนต้องหนีกระเจิดกระเจิงเข้าป่าไป เทวดาดลใจให้ชูชกเดินทางไปพบกับพรานเจตบุตรที่กษัตริย์เจตราษฎร์มอบหมายให้คอยดูแลมิให้ใครไปรบกวนพระเวสสันดร ชูชกหลอกพรานเจตบุตรว่าบัดนี้ประชาชนเมืองสีพีหายโกรธเคืองพระเวสสันดรแล้ว พระเจ้ากรุงสณชัยใช้ให้เป็นทูตถือพระราชสาส์นไปเชิญเด็จ
พระเวสสันดรกลับพระนคร พรานเจตบุตรหลงเชื่อจึงบอกเส้นทางที่จะไปสู่เขาวงกตแก่ชูชก
กัณฑ์ที่  ๖ จุลพน  มี ๓๕ พระคาถา
            พรานเจตบุตรหลงเชื่อกลชูชก ที่ได้ชูกลักพริกขิงให้พรานดู อ้างว่าเป็นพระราชสาส์น
ของพระเจ้ากรุงสณชัยจะนำไปถวายพระเวสสันดร พรานเจตบุตรจึงต้อนรับและเลี้ยงดูชูชกเป็นอย่างดีและได้พาไปยังต้นทางที่จะไปอาศรทฤาษี             
กัณฑ์ที่ ๗ มหาพน  มี ๘๐ พระคาถา
            ชูชกเดินทางไปถึงอาศรมของพระอัจจุตฤาษี แล้วหลอกลวงพระฤาษีว่า ตนเคยคบหาสมาคมกับพระเวสสันดรมาก่อน เมื่อพระองค์จากมานานจึงใคร่จะเยี่ยมเยียน พระฤาษีหลงเชื่อจึงให้ชูชกพักแรมที่อาศรมหนึ่งคืน รุ่งขึ้นก็อธิบายหนทางที่จะเดินทางว่า จะต้องผ่านภูเขา    คันธมาทน์และสระมุจลินท์ซึ่งอยู่ใกล้ๆ กับอาศรมของพระเวสสันดร ชูชกจึงลาพระฤาษีเดินทางต่อไป
 กัณฑ์ที่ ๘ กุมาร  มี ๑๐๑ พระคาถา
            ชูชกเข้าไปขอสองกุมาร พระเวสสันดรพระราชทานให้ สองกุมารรู้ความจึงหนีไปอยู่ในสระบัว พระเวสสันดรตามไปพูดจาให้สองกุมารเข้าใจ สองกุมารจึงขึ้นจากสระบัว ชูชกพาสองกุมารเดินทางโดยเร่งรีบด้วยเกรงว่า หากพระนางมัทรีกลับจากหาผลไม้ก่อนจะเสียการ
กัณฑ์ที่ ๙ มัทรี  มี ๙๐ พระคาถา
           เมื่อชูชกพาสองกุมารออกไปพ้นพระอาศรมแล้ว เทพทั้งปวงก็วิตกว่า ถ้าพระนางมัทรีกลับมาแต่ยังวันก็จะต้องรีบติดตามหาสองกุมารเป็นแน่ พระอินทร์จึงมีเทวบัญชาให้เทพสามองค์จำแลงเป็นเสือและราชสีห์ไปขวางทางเดินของพระนางมัทรีไว้ ส่วนพระนางมัทรีรู้สึกเป็นทุกข์ถึงสองกุมารเป็นอันมาก เก็บผลไม้ตามแต่จะได้แล้วก็รีบกลับพระอาศรม มาพบสัตว์ทั้งสามขวางหน้าอยู่ก็วิงวอนขอทาง
จนพลบค่ำสัตว์ทั้งสามจึงหลีกทางให้ เมื่อมาถึงอาศพระนางมองหาสองกุมาร แต่ไม่พบ จึงไปถามพระเวสสันดร  พระเวสสันดรเกรงว่า ถ้าบอกไป พระนางมัทรีจะโศกเศร้ามากยิ่งขึ้นไปอีก จึงแสร้งพูดแสดงความหึงหวงขึ้นเป็นทำนองระแวงที่นางกลับมาจนมืดค่ำ พระนางมัทรีเจ็บใจก็คลายความโศกลง เที่ยวตามหาสองกุมารไปทุกหนทุกแห่ง แต่ไม่พบ จึงกลับมายังพระอาศรมของพระเวสสันดร แล้วสลบไปด้วยความโศกเศร้าและสิ้นแรง เมื่อ
พระเวสสันดรแก้ไขจนพระนางมัทรีฟื้น พระเวสสันดรจึงเล่าให้ฟังว่าได้บริจาคบุตรเป็นทานแก่พราหมณ์เฒ่าไปแล้ว พระนางมัทรีก็มิได้เศร้าโศก แต่กลับชื่นชมกับมหาบริจาคทานของ
พระเวสสันดรด้วยศรัทธาอันเปี่ยมล้น
กัณฑ์ที่ ๑๐ สักกบรรพ  มี ๔๓ พระคาถา
            พระอินทร์เกรงว่าหากมีใครมาของพระนางมัทรีจากพระเวสสันดร ก็จะทำให้
พระเวสสันดรบำเพ็ญภาวนาไม่สะดวก ด้วยไม่มีผู้คอยปรนนิบัติ ดังนั้นพระอินทร์จึงแปลงกายเป็นพราหมณ์เฒ่าลงมาขอและได้ให้พรแปดประการแก่พระเวสสันดร รวมทั้งยังฝากฝังพระนางมัทรีไว้ให้อยู่ปรนนิบัติพระเวสสันดรด้วย 
กัณฑ์ที่ ๑๑ มหาราช  มี ๖๙ พระคาถา
            เมื่อเดินทางผ่านป่าใหญ่ ชูชกผูกสองกุมารไว้ที่โคนต้นไม้ ส่วนตนปีนขึ้นไปนอนบนต้นไม้ เหล่าเทพเทวดาจึงแปลงร่างลงมาปกป้องสองกุมารให้เดินทางถึงกรุงสีพีโดยปลอดภัย ขณะเดียวกันพระเจ้ากรุงสีพีเกิดนิมิตฝัน ซึ่งตามคำทำนายนั้นนำมายังความปีติปราโมทย์แก่พระองค์ยิ่งนัก
            เมื่อเสด็จลงหน้าลานหลวงตอนรุ่งเช้า พระเจ้ากรุงสีพีก็ทอดพระเนตรเห็นชูชกและกุมารทั้งสองพระองค์ ครั้งทรงทราบความจริง พระองค์จึงพระราชทานค่าไถ่คืน หลังจากนั้นชูชกก็ถึงแก่ความตายเพราะกินอาหารมากเกินขนาด แล้วพระชาลีก็ทูลพระเจ้ากรุงสีพีเพื่อขอให้ไปรับพระบิดาและพระมารดาให้นิวัติคืนพระนคร ในขณะเดียวกันเจ้านครกลิงคราษฎร์ได้คืนช้างปัจจัยนาเคนทร์แก่นครสีพี
กัณฑ์ที่ ๑๒ กษัตริย์  มี ๓๖ พระคาถา
            พระเจ้ากรุงสญชัยยกทัพไปรับพระเวสสันดร โดยใช้เวลา ๑ เดือน กับ ๒๓ วัน จึงเดินทางถึงเขาวงกต เสียงโห่ร้องของทหารทั้งสี่เหล่าทำให้พระเวสสันดรคิดว่าเป็นข้าศึกมาโจมตีนครสีพี จึงชวนพระนางมัทรีขึ้นไปแอบดูที่ยอดเขานางมัทรีทรงมองเห็นกองทัพพระราชบิดาจึงได้ตรัสทูลพระเวสสันดร และเมื่อทั้งหกษัตริย์ได้พบเห็น ทรงกันแสงสุดประมาณ รวมทั้งทหารเหล่าทัพ ทำให้ป่าใหญ่สนั่นครั่นครืนพระอินทร์จึงได้ดลให้ฝนโบกขรพรรษตกลงมาประพรมหกกษัตริย์ให้หายเศร้าโศกและฟื้นพระองค์
กัณฑ์ที่ ๑๓ นครกัณฑ์  มี ๔๘ พระคาถา
            กษัตริย์ทั้งหกยกพลกลับคืนพระนคร หลังจากที่พระเจ้ากรุงสญชัยตรัสสารภาพผิด
 พระเวสสันดรจึงทรงลาผนวชพร้อมทั้งพระนางมัทรี เมื่อเสด็จถึงนครสีพีจึงรับสั่งให้ชาวเมืองปล่อยสัตว์ที่กักขัง ครั้นยามราตรีพระเวสสันดรทรงปริวัตกว่า รุ่งเช้าประชาชนจะแตกตื่นมารับบริจาคทาน พระองค์จะประทานสิ่งใดให้แก่ประชาชน ท้าวโกสีย์ได้ทราบจึงบันดาลให้มีฝนแก้ว ๗ ประการ ตกลงมาในนครสีพีสูงถึงหน้าแข้ง พระเวสสันดรจึงทรงประกาศให้ประชาชนมาขนเอาไปตามปรารถนา ที่เหลือให้ขนเข้าพระคลังหลวง
            ในกาลต่อมาพระเวสสันดรเถลิงราชสมบัติปกครองนครสีพีโดยทศพิธราชธรรม บ้านเมืองร่มเย็นเป็นสุขตลอดพระชนมายุ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น